ตอน เจ้าแม่ทุ่มเทและการเป็นอันดับ 1 ของโลกเรียน

" คุณพ่อคะ ทำไมหนูถึงวิ่งไม่เก่งเหมือนเพื่อนคนอื่นหละคะ "
เย็นวันฉันถามคุณพ่อด้วยอารมณ์หงุดหงิดเมื่อหลายวันก่อนในวิชาพละ ฉันเห็นคะแนนวิชา " กระโดดไกลและวิ่งมาราธอน " รู้สึกตกใจจนเกือบจะเป็นลม เพราะฉันได้ไม่ถึง 70 คะแนนจากคะแนนเต็ม 80

" วอนฮี มาลองฝึกกับพ่อไหมละ"
" ฝึกหรือคะ "
" ใช่สิ คนจะเก่งต้องฝึกฝนอยู่เสมอ "
พอ ได้ยินคำพูดของคุณพ่อแบบนั้น จิตใจของฉันก็รู้สึกฮีกเฮิมขึ้นมาลานทรายที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้านไม่มีใคร เล่นสักคน ฉันกางแขนทั้งสองข้างออกและมองตรงไปยังระยะเป้าหมายบนลานทรายอย่างมั่งมั่น เมื่อก้าวขาวิ่ง ฉันสร้างจินตนากาลว่าตัวเองกำลังบินอยู่ แต่เมื่อถึงระยะที่ต้องกระโดดลอยตัวขึ้นฉันกลับทำได้ไม่ดี
จึงตกลงมาก่อนถึงต่ำแหน่งที่กำหนดไว้

" วอนฮี พ่อรู้นะว่าลูกกลัวช่วงเวลาที่ตกลงพื้น ถ้าไม่จำกัดความกลัวนั้นไป ก็ไม่มีทางกระโดดได้ไกลกว่าที่คิดหรอก ลองคิดว่าตัวเองเป็นนกต้องมองท้องฟ้า ไม่ใช่พื้นดิน "

ค่ำคืนที่ดาวฉายแสงระยิบระยับ ฉันจะต้องเป็น " ดาวที่พุ่งทะยาน " สู่ฟากฟ้าตามคำสอนของคุณพ่อให้จงได้

เห็นไหมหละว่ากระโดดได้ไกลกว่ากว่าเมื่อกี้อีก
ฉันมองระยะที่ตัวเองกระโดดข้ามมาซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่าครั้งที่แล้วประมาณ 20 เซนติเมตร
โอ้โห้ ไกลกว่าเดิมต้องเยอะ ลองอีกครั้งดีกว่า
ตอน นี้ฉันมั่นใจมากขึ้น ลานทรายที่เคยคิดว่ากว้างกลับดูเล็กลงไปถนัดตา นั่นอาจเป็นเพราะหัวใจของฉันกล้าหาญมากขึ้นก็เป็นได้ค่ำคืนนั้นฉันฝึกซ้อม กระโดดไกลบนลานทรายอีกหลายสิบครั้ง

ในที่สุดคาบเรียนวิชาพละก็มาถึง เมื่อถึงตาฉัน เพื่อนๆต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า

" วอนฮี อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้นสิ "

ฉันยืนอยู่ที่จุดปล่อยตัว สีหน้าแสดงความมั่งมั่นสีหน้าเอาจริงเอาจังยิ่งกว่านักกีฬาทีมชาติเสียจน เพื่อนๆตกใจ ปกติแล้ว ถึงฉันหน้าเครียดแค่ไหน ก็ไม่พ้นได้ตำแหน่งที่โหล่ของห้องอยู่ดี ทุกคนก็คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกัน

ฉันสูดลมหายใจลึก นับ หนึ่ง สอง สาม แล้วพุ่งตัวจากจุดปล่อยตัวเหมือนลูกธนู เมื่อถึงจุดกระโดดฉันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉันรู้สึกร่างกายลอยได้จริง ๆ

" 2 เมตร 40 เซนติเมตร " 75 คะแนน
75 คะแนนจาก 80 ทำได้ดีจนเหลือเชื่อ เพื่อน ๆต่างกรูเข้ามาหาฉัน

" วอนฮี เธอเรียนนเสริมที่ไหนมาหรือป่าว จู่ ๆทำไมเก่งขึ้นขนาดนี้ "

ฉันอมยิ้มเล็กๆ จะมีใครเชื่อไหมหละว่า คุณพ่อของฉันนี่หละครูฝึกสอนตัวจริง

ตอน .........................

อยู่ระหว่งอู้

เทคนิคเรียน ดี


1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะจร้า เพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน

2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกันการหลับคาหนังสืออีก ด้วย งานเสริม

3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบ แนว นอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบก ลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน

4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ

5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย

6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ

7. อ่าน 1 ชั่วโมงที่รู้สึกว่าตั้งใจ มีความสุข หรือมีพลังในการอ่าน การเรียนรู้ ดีกว่าอ่าน 5 ชั่วโมงที่อ่อนล้าซะอีก แทนที่จะความรู้ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

8. เวลาที่คนเรามีความสุข คลื่นสมองของเราจะเรียนรู้ได้เร็ว และดีกว่าตอนที่เครียด


9. ควรที่จะหมั่นทบทวนในสิ่งต่างๆ บ่อยๆ เพราะการย้ำคิดย้ำทำ หรือการทำซ้ำนั้น ช่วยเราได้มากเลย

เพื่อนๆ ลองเอาไปทำดูนะ สู้ๆ ทุกคน เพื่อนอนาคตที่สดใสของเรา

ข้อมูลจาก : www.thaigoodview.com

วิธีเตรียมตัวออกไปรายงานหน้าชั้น!!!!!


ตึกๆ ตักๆ ใจเต้น ตึกตักๆ ตาพร่ามัว อากาศก็เย็นแต่เหงื่อออก อาการนี้เป็นทุกทีเวลาต้องออกไปเป็น ตัวแทนรายงานหน้าห้อง... เคยเป็นกันไหมคะ ดิฉันเองก็ตื่นเต้นทุก ครั้งค่ะ เวลาต้องออกไปรายงานหน้าห้อง เคยเป็นหน้าห้องก็บ่อย พูดๆอยู่ลืมเนื้อหาซะงั้น หรือพูดเร็วเกิน ลิ้นพันฟังไม่รู้เรื่อง สำลักน้ำลายมั่ง พูดแล้วหัวเราะเองมั่ง โอ่ยย...สารพัดค่ะ

หลายๆคนเวลาจับกลุ่มทำ รายงาน ออกตัวก่อนเลยว่ายอมทำทุกอย่าง หาข้อมูล พิมพ์งาน เย็บเล่ม ออกตังค์ให้ด้วยก็ได้ แต่ขออย่างเดียว คือ อย่าให้ออกไปเป็นคนพูด รายงานหน้าชั้น อันนี้ก็ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งเลยนะคะ เพราะบางทีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา แล้วต้องเป็นเราที่ออกไปพูด ถ้ายังกลัวอยู่ คะแนนจะหายเอานะคะ

เวลามีการรายงานหน้าห้อง หลายๆคนจะกลัวค่ะ กลัวออกไปเปิ่น ออกไปแล้วเจอเพื่อนหัวเราะ กลัวไปทุกสิ่งอย่าง วันนี้ก็เลยมีเคล็ดลับลดความกลัวเวลาต้องออกไปพูดรายงานหน้าชั้นมา
  • อย่าง แรกเลยนะคะ ถ้ารู้ว่าเราจะต้องขึ้นเขียง เอ้ย ต้องเป็นคนรับหน้าที่นี้ ก็ต้อง ไปฟิตซ้อมเตรียมตัวก่อน ทั้งเนื้อหา ข้อมูล อุปกรณ์ประกอบฉาก เย้ยย อุปกรณ์ที่ต้องใช้ แล้วก็ลองฝึกพูดดูหลายๆครั้ง จะได้มั่นใจค่ะ
  • ก่อน พูดก็สูดลมหายใจลึกๆค่ะ...นั่น ย่างนั้น....สูดดดดเข้าไปค่ะ จะช่วยให้ผ่อนคลายได้นะ
  • มือสั่น...ก็ลองกำมือแล้ว ก็คลายออก เหยียดนิ้วแผ่ออก ทำสลับไปเรื่อยๆ จะดีขึ้นค่ะ
  • เวลา พูด ก็พูดช้าๆชัดๆ และก็ตั้งใจอยู่กับการพูดของเรา อย่าสติหลุดหล่ะ
  • คิด ว่าความกลัวเป็นเรื่องปกติซะ ใครๆก็เป็นกัน ดารานักร้องเก่งๆหลายคนเค้ายังเป็นกันเลย เราจะรู้สึกบ้าง จะแปลกอะไร จริงไหมคะ เราจะได้ไม่กดดันตัวเองด้วยหล่ะ

คราวนี้ คนไหนที่ได้รับหน้าที่ไปพูด หน้าชั้น คงจะมั่นใจขึ้นนะคะ ถ้าได้ลองใช้เคล็ดลับนี้ คนไหนเคยเป็นตัวแทนกลุ่มออกไปรายงานหน้าชั้นบ้าง ลองมาเล่าประสบการณ์กันดีกว่า ว่าเป็นยังไงบ้าง สนุกสนานหรือแอบฮายังไง มาเล่ากันเล้ยยยย


ข้อมูลอ้างอิง : คนเรียนเก่ง

ภาพประกอบ : www.crunchyroll.com

7 วิธีจัดการเวลา พากระชุ่มกระชวย^_^

1. เวลาตื่นนอน ลองตื่นเช้ากว่าปากติที่เคยตื่น 5-10 นาที

2. เวลาแปรงฟัน ถูสบู่ อาบน้ำฝักบัว ให้ลองเปลี่ยนข้างมือที่ใช้ บ้าง เพื่อความแปลกใหม่!! และกระตุ้นสมองเล็กน้อย(เพิ่มความลำบากด้วย - -')

3. นั่งรถโรงเรียนหรือไปเอง หรือพ่อแม่ไปส่ง จากที่เคยหลับให้มอง วิว จากที่เคยมองวิวให้หลับบ้าง (อ้าวววว??)

4. ไปโรงเรียนให้ทันเวลาเข้าแถว ยื่งไปเช้ายิ่งดี(แต่ไม่ใช่ไปลอกการบ้านนะ) คนไปเช้ามักจะหัวดี หัวสมองจะปลอดโปร่ง(พี่แนนยืนยันๆ)

5. เวลาว่างจากนั่งโม้ นั่งเมาท์ เอาเวลาไปเข้าสมุดบ้าง (อิอิ)

6. กลับจาก รร. ปุ๊ปอาบน้ำโลด แล้วมาทำการบ้านให้เสร็จก่อนกินข้าวเย็น(ถ้าเป็นไปได้) แล้วหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็เริ่มอ่านหนังสือตามตารางวันละประมาณ 2 ชม.ก็เกินพอในวันธรรมดา ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์สำหรับคนที่ไม่มีเรียนก็ 9 ชม.นะคะ

7. ก่อนเข้านอน ไม่ต้องเอาหนังสือมาวางใต้หมอนนะ มันไม่เข้าหัวหรอก ให้สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิวันละ 2-5 นาที ให้จิตสงบก็พอแล้ว

ว้าว 7 วิธีง่ายๆ แบบนี้ ต้องลองเอาไปใช้กันดูนะคะ เหมือนหาอะไรแปลกใหม่ให้ชีวิต เข้านอนให้เร็ว ตื่นนอนให้เช้ากว่าปกติ เคยหลับตอนนั่งรถ ก็ลองตื่นมาดูวิวบ้าง ลองเปลี่ยนพฤติกรรมดู อาจจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นบ้าง อย่างน้อยพี่แนนว่า คงหายเบื่อกันไปบ้างหล่ะ ลองเปลี่ยนวิธีไปทุกๆเดือนดู สนุกแน่นอน (ฮ่าๆๆ)