วิธีเรียนเก่งอย่างเทพ สนุกหน่อย ฮิ้ววว

ผู้ที่ริเริ่มอยากตั้งใจเรียนจะต้องทำ ดังนี้ ย้ากกกกกกกกกก(บ้าไปแล้ว)

1.ท่าน ทั้งหลายที่เคยคิดว่าจะทำแบบฝึกหัดนั้นจะเรียนเก่งขึ้น ผิดแล้วล่ะแบบฝึกหัดนั้นจะต้องเอาไว้ทำตอนหลัง ตอนที่เราเข้าใจมากขึ้น จากการอ่านหนังสือ

2.ท่านมีสมุดว่างๆ บ้างไหม เล่มเล็กใหญ่ไม่สำคัญแต่ก็ขอให้จดเรื่องราวใจความสำคัญหรือที่เรียกว่าจดเล คเชอร์ ได้ก็แล้วกัน (อ่านยามว่างเน้อ)

3.ท่านเคยรู้ไหมว่าตอนที่ท่านนั่งเรียนอยู่นั้น ในระหว่างพักเที่ยงพัก10นาทีหรือเวลาว่างๆท่านกลับนั่งเฉย รู้ไม๊ว่าท่านกำลังปล่อยเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ ท่าน(คุณก็ดีนะ)ควรเอาหนังสือที่จดเลคเชอร์ไว้ลองมาอ่าน หรือไม่ก็ลองทบทวนสิ่งที่เราเรียนไว้ในคาบที่แล้ว แล้วท่านจะรู้สึก (O_O)

4.เวลา คุณเดินผ่าน ข้ามถนน เที่ยวเล่น ฯลฯ คุณเคยเห็นคำศัพท์ไทย อังกฤษ ที่คุณไม่รู้ความหมายบ้างไหมคะ นั่นแหละค่ะคุณลองพกพจนานุกรมเล่มเล็กๆดูนะคะ พอไปเจอคำไหนที่ไม่รู้ก็เปิดมาแปล แล้วอีกอย่างมันจะช่วยฝังนิสัยรักการช่างสังเกตุด้วย

5.สิ่งสำคัญของการเรียนคือ "การจดจำนะคะ"

6.ท่ายเคยคิดว่าภาษาจีนยากไหมคะจำเท่าไหร่ก็ไม่หมด ขอตอบเลยนะคะว่า ยากค่ะ(จะถามเพื่ออาร๊าย)รู้ไหมคะว่าถ้าเราเรียนจีนเราจะง่ายต่อการสื่อ สารอย่างมากมาก เพราะว่าจีนเป็นภาษาสากลลำดับหนึ่งของโลกขนาดที่ ญี่ปุ่น เกาหลี ยังต้องยืมตัวอักษรจีนบางส่วนไปใช้ บางคนอยากจะเรียนญี่ปุ่น ดิฉันว่าเราต้องเรียนจีนก่อนก็น่าดีนะคะเพราะว่ามันอาจจะง่ายต่อการจำตัว อักษรยิ่งขึ้น ข้อนี้ไม่บังคับ แต่เรียนแล้วสนุกค่ะ สำหรับคนอยากเรียนจีน ควรจำ ภาษาญี่ปุ่นวันละ3ตัวก็น่าจะดี เพราะถ้าจำหมดเนี่ยถึงประมาณ2ปีเรียนได้อ่านออกแน่รับประกัน

7.ลอง หาหนังสือที่เราสนใจ แล้วเอามาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูนความรู้ ความรู้ทั่วไป ฯลฯแต่ถ้าเราอ่านเสร็จแล้วลองอ่านหลายๆรอบดูนะคะ(เพราะถ้าอ่านครั่งเดียวต่อ ให้ตายก็ไม่เข้าใจหรอก)แล้วเราจะเข้าใจอย่างยิ่ง

8.คุณมีเทปภาษาอังกฤษบ้างไหมคะ ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราลองอัดเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษดู อัดหลายคำ แล้วเราก็ท่องตามไปด้วย เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษค่ะ

9.ลองให้การบ้านตนเองหลายๆวิชา บ้างนะคะ แบบว่าเอาเป็นเวลาว่างๆน่ะค่ะแต่อย่าเยอะเกินไปเพราะจะทำให้เครียด

10.ทำไม เรียนแล้วไม่สนุก ก็เพราะว่าคุณเอาแต่เรียนไล่ตามครูนี่มาลองวิธีง่ายเหมือนเกมวิ่งไล่จับละ กัน คุณลองอ่านหนังสือแต่ละวิชาที่จะเรียนในคาบหน้า ซัก 1-2หน้าดูนะคะ พอถึงคาบที่เราจะเรียน "โอ๊ะ..อันนี้เราอ่านมาก่อนหน้านี้แล้วนี่นา เรารู้แล้ว 55"ทีนี้จากเรียนไล่ตามครู แล้วตอนนี้ ครูต้องมาตามเรามั่ง 555

อาหารเพื่อประสิทธิภาพของสมอง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับอาหารที่ทานเข้าไปในแต่ละวัน งานวิจัยล่าสุดพบว่า การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จะช่วยให้คุณมีพื้นที่ในท้องสำหรับอาหารแคลลอรี่สูงน้อยลง และอาหาร 3 ชนิดต่อไปนี้สามารถทำให้คุณมีสมองที่เปี่ยวประสิทธิภาพมากขึ้น
ไข่

การรับประทานไข่ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณภาพของสมองของคุณมีประสิทธิภาพดีเทียบเท่ากับคนที่อายุอ่อนกว่า ถึง 10 ปี ควรรับประทานไข่ปริมาณ 55 ไมโครกรัมทุกวัน
เมนูแนะนำ ไข่เจียวผัก

ผักขม, กะหล่ำปลี


สารแคโรทีนอย และ ฟลาโวนอย ในผักสีเขียวเข้มนี้มีประโยชน์ต่อสมองเป็นอย่างมาก สามาถช่วยให้คุณรู้สึกเด็กลงไปได้อีก รับประทาน 3 มื้อ หรือมากกว่า ต่อวัน สามารถชะลอภาวะหดหู่ของจิตใจอันเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 40 %

บลูเบอร์รี่ สารประกอบในบลูเบอร์รี่จะช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รวมทั้งริ้วรอยที่เกิดจากวัยได้

มีคาถาที่ทำให้เรียนเก่งมาฝากเพื่อนๆๆกันคะ (ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่)

ขอฝากไว้ 2 พระคาถา ค่ะ

(ตั้งนะโม 3 จบ)

คาถาบริกรรมก่อนเข้าห้องสอบ
โอม ปุ ปะ ทะลุทันตา ปัญญาโมกขัง อะระหัง บังเกิด

คาถาปัญญาไว
ปัญญาจิตตัง สิเนหังพันธัง สะวาหุม (ว่า 3 จบ)
เสก ใส่อาหารรับปะทานเป็นประจำ ถ้ามีลูกหลานเสกใส่อาหารให้ลูกหลาน รัปปะทานดีนักเเล


การท่องบริกรรมนี้ ขึ้นอยู่กับสมาธิ ความ ตั้งใจ
เเต่ตนก็ต้องมีความเพียร ความขยัน ความตั้งใจเล่าเรียนด้วย
ทุกอย่างต้องมีสมาธิเป็นที่ตั้ง พระคาถาถึงจะบังเกิด ปัญญา เเสงสว่าง จักเกิดเเก่ตน

เเละหมั่นตั้งใจสร้างบุญกุศลเเละปฎิบัติศีล สมาธิให้เป็นนิจ จักจะบังเกิดผลเเละส่งเสริมให้ครอบครัวมีความสุขเทอญ

กินอะไรทำให้เรียนเก่ง


ไม่มีค่ะ จริงๆ นอกจากจะขยันและตั้งใจ เรียน+อ่านหนังสือ
พวกแบรนด์ เปปทีน นั่น แค่บำรุงสมอง แต่ก็ไม่ ได้ทำให้เก่งหากไม่อ่านหนังสือและหาความรู้ ถ้าจะกินของพวกนี้จริงๆนะ ค่ะ แนะนำให้กินตอนจะอ่านหนังสือค่ะเพราะจะช่วยให้สมองทำงานดี ตื่นตัว จดจำได้ดีขึ้น แต่ถ้ากินแล้วไปนั่งเล่นเกมขอให้เกรด 4 ชาติหน้านะค่ะ

"แต่ อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง แนะนำ ไข่ ค่ะ กินไข่เยอะๆกับปลาทูจะบำรุงสมองดีนะค่ะ"

ตอน เจ้าแม่ทุ่มเทและการเป็นอันดับ 1 ของโลกเรียน

" คุณพ่อคะ ทำไมหนูถึงวิ่งไม่เก่งเหมือนเพื่อนคนอื่นหละคะ "
เย็นวันฉันถามคุณพ่อด้วยอารมณ์หงุดหงิดเมื่อหลายวันก่อนในวิชาพละ ฉันเห็นคะแนนวิชา " กระโดดไกลและวิ่งมาราธอน " รู้สึกตกใจจนเกือบจะเป็นลม เพราะฉันได้ไม่ถึง 70 คะแนนจากคะแนนเต็ม 80

" วอนฮี มาลองฝึกกับพ่อไหมละ"
" ฝึกหรือคะ "
" ใช่สิ คนจะเก่งต้องฝึกฝนอยู่เสมอ "
พอ ได้ยินคำพูดของคุณพ่อแบบนั้น จิตใจของฉันก็รู้สึกฮีกเฮิมขึ้นมาลานทรายที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้านไม่มีใคร เล่นสักคน ฉันกางแขนทั้งสองข้างออกและมองตรงไปยังระยะเป้าหมายบนลานทรายอย่างมั่งมั่น เมื่อก้าวขาวิ่ง ฉันสร้างจินตนากาลว่าตัวเองกำลังบินอยู่ แต่เมื่อถึงระยะที่ต้องกระโดดลอยตัวขึ้นฉันกลับทำได้ไม่ดี
จึงตกลงมาก่อนถึงต่ำแหน่งที่กำหนดไว้

" วอนฮี พ่อรู้นะว่าลูกกลัวช่วงเวลาที่ตกลงพื้น ถ้าไม่จำกัดความกลัวนั้นไป ก็ไม่มีทางกระโดดได้ไกลกว่าที่คิดหรอก ลองคิดว่าตัวเองเป็นนกต้องมองท้องฟ้า ไม่ใช่พื้นดิน "

ค่ำคืนที่ดาวฉายแสงระยิบระยับ ฉันจะต้องเป็น " ดาวที่พุ่งทะยาน " สู่ฟากฟ้าตามคำสอนของคุณพ่อให้จงได้

เห็นไหมหละว่ากระโดดได้ไกลกว่ากว่าเมื่อกี้อีก
ฉันมองระยะที่ตัวเองกระโดดข้ามมาซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่าครั้งที่แล้วประมาณ 20 เซนติเมตร
โอ้โห้ ไกลกว่าเดิมต้องเยอะ ลองอีกครั้งดีกว่า
ตอน นี้ฉันมั่นใจมากขึ้น ลานทรายที่เคยคิดว่ากว้างกลับดูเล็กลงไปถนัดตา นั่นอาจเป็นเพราะหัวใจของฉันกล้าหาญมากขึ้นก็เป็นได้ค่ำคืนนั้นฉันฝึกซ้อม กระโดดไกลบนลานทรายอีกหลายสิบครั้ง

ในที่สุดคาบเรียนวิชาพละก็มาถึง เมื่อถึงตาฉัน เพื่อนๆต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า

" วอนฮี อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้นสิ "

ฉันยืนอยู่ที่จุดปล่อยตัว สีหน้าแสดงความมั่งมั่นสีหน้าเอาจริงเอาจังยิ่งกว่านักกีฬาทีมชาติเสียจน เพื่อนๆตกใจ ปกติแล้ว ถึงฉันหน้าเครียดแค่ไหน ก็ไม่พ้นได้ตำแหน่งที่โหล่ของห้องอยู่ดี ทุกคนก็คิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกัน

ฉันสูดลมหายใจลึก นับ หนึ่ง สอง สาม แล้วพุ่งตัวจากจุดปล่อยตัวเหมือนลูกธนู เมื่อถึงจุดกระโดดฉันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉันรู้สึกร่างกายลอยได้จริง ๆ

" 2 เมตร 40 เซนติเมตร " 75 คะแนน
75 คะแนนจาก 80 ทำได้ดีจนเหลือเชื่อ เพื่อน ๆต่างกรูเข้ามาหาฉัน

" วอนฮี เธอเรียนนเสริมที่ไหนมาหรือป่าว จู่ ๆทำไมเก่งขึ้นขนาดนี้ "

ฉันอมยิ้มเล็กๆ จะมีใครเชื่อไหมหละว่า คุณพ่อของฉันนี่หละครูฝึกสอนตัวจริง

ตอน .........................

อยู่ระหว่งอู้

เทคนิคเรียน ดี


1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะจร้า เพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน

2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกันการหลับคาหนังสืออีก ด้วย งานเสริม

3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบ แนว นอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบก ลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน

4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ

5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย

6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ

7. อ่าน 1 ชั่วโมงที่รู้สึกว่าตั้งใจ มีความสุข หรือมีพลังในการอ่าน การเรียนรู้ ดีกว่าอ่าน 5 ชั่วโมงที่อ่อนล้าซะอีก แทนที่จะความรู้ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

8. เวลาที่คนเรามีความสุข คลื่นสมองของเราจะเรียนรู้ได้เร็ว และดีกว่าตอนที่เครียด


9. ควรที่จะหมั่นทบทวนในสิ่งต่างๆ บ่อยๆ เพราะการย้ำคิดย้ำทำ หรือการทำซ้ำนั้น ช่วยเราได้มากเลย

เพื่อนๆ ลองเอาไปทำดูนะ สู้ๆ ทุกคน เพื่อนอนาคตที่สดใสของเรา

ข้อมูลจาก : www.thaigoodview.com